จุดจบสายหิ้วแบรนด์เนม เข้าประเทศไทย
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ร้อนแรงมากๆ สำหรับสายช้อป สายเที่ยว และ สายพรีออเดอร์ทั้งหลาย เวลาเราเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ยิ่งเป็นประเทศยุโรป สิ่งที่น่าดึงดูดใจสำหรับสายช้อปทั้งหลายก็จะเป็นพวกสินค้าแบรนด์เนมต่างๆเช่น กระเป๋าแบรนด์เนม, รองเท้าแบรนด์เนม, นาฬิกาแบรนด์เนม ฯลฯ หลายๆคนที่เคยรับฝากหิ้ว เข้ามา หรือ ที่เรียกว่า รับพรีออเดอร์ต่างๆ สมัยก่อนอาจจะทำได้ แต่ต่อไปนี้หมดสิทธิ์แล้วนะ เพราะว่า กรมศุลกากร ได้นำเครื่องเอ็กซ์เรย์คร่อมสายพาน จำนวนทั้งหมด 23 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ได้ถูกติดตั้งบนสายพานกระเป๋า ที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว และ จะสามารถใช้งานได้ต้นปี 2563
เครื่องเอ็กซ์เรย์นั้น สามารถทำงาน ด้วยการสแกนภาพนิ่งของกระเป๋าเดินทาง ที่ผ่านสายพานทั้งหมดได้แบบ 100% เครื่องสามารถโชว์เครื่องหมายถ้าเกิดว่าพอสิ่งของต้องห้ามตามโปรแกรมที่ได้วางไว้ ยกตัวอย่างเช่น สิ่งเสพติด, ชิ้นส่วนสัตว์ป่า ตามบัญชี อนุสัญญาไซเตส และ สินค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย ที่อาจจะถูกรับพรีออเดอร์จากต่างประเทศ หรือ พกของใช้ติดตัวมูลค่าเกิน 20,000 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทย ที่มีของต้องสำแดง แนะนำให้เดินเข้าช่องสีแดง เพื่อชำระภาษีให้ถูกต้อง ซึ่งดีกว่าการเดินช่องเขียว หรือ ช่องไม่มีสินค้าต้องสำแดง ทั้งที่มีภาพจากเครื่องเอ็กซ์เรย์เป็นหลักฐาน มิฉะนั้น จะต้องเสียทั้งภาษี และ ค่าปรับ พร้อมกัน
ใครที่ซื้อของแบรดน์เนมจากต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่นกระเป๋าแบรนด์เนม ส่วนใหญ่แล้วก็อยากจะเก็บถุงหิ้ว อยากจะเก็บกล่องของกระเป๋าแบรนด์เนมนั้นๆ เพื่อจะขายต่อ หรือ จะเก็บรักษาเอาไว้ แต่พอเครื่องสแกนภาพนิ่ง ของกระเป๋าเดินทางมาปุบ น่าจะเป็น จุดจบของสายหิ้ว หรือ สายพรีออเดอร์เลยก็ว่าได้