ไปรษณีย์ไทย ชวนทำ 4 ชั้นตอนสำหรับฝากส่งสินค้าง่ายๆ
ธุรกิจจัดส่งสินค้าในปัจจุบันนั้นแข่งขันกันดุเดือนมากยิ่งขึ้น มีหลายบริษัทที่เกิดขึ้นมาเป็นตัวเลือกให้กับผู้ใช้บริการอย่างเราๆ ถ้าเป็นสมัยก่อนจะมีที่เดียวไม่ว่าจะส่งใกล้ ส่งไกลขนาดไหน ยังไงก็ต้องใช้บริการจากทางไปรษณีย์ไทยแน่นอน แต่ในปัจจุบันมีหลายตัวเลือกมากยิ่งขึ้นยกตัวอย่างเช่น Lalamove, Lineman, Kerry Express, Grab Express, TNT, Alpha Fast, SCG Yamato Express และ อื่นๆอีกเพียบ สำหรับบริการส่งสินค้าที่อยู่ยงคงกระพันในประเทศไทยมากที่สุดก็คือ ไปรษณีย์ไทยนั่นเอง การส่งสินค้าในปัจจุบันจะเป็นแบบ Door to Door เป็นบริการที่ช่วยส่งสินค้าเพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ส่ง และ ผู้รับสินค้า โดยจะมีการจัดการไปรับสินค้า ตามสถานที่ที่ได้ตกลงกันไว้ หรือ สถานที่จัดเก็บสินค้าต่างๆ
ทุกวันนี้การขนส่งของไปรษณีย์ไทยบ้านเรา ยังคงเป็นที่ 1 และ สำคัญสำหรับคนไทยเสมอๆ เพราะไม่ใช่แค่การส่งจดหมายเหมือนสมัยก่อน แต่ในปัจจุบันยังมีบริการขนส่งพัสดุ เลยทำให้คนหันมาใช้บริการขนส่งจากทางไปรษณีย์ไทยมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นการขนส่งไปรษณีย์ เพื่อที่จะนำของจากพ่อค้าแม่ค้าไปถึงมือลูกค้าในระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุดผ่านการขนส่งของไปรษณีย์ไทยนั่นเอง แต่เชื่อหรือไม่ว่า คนไทยหลายๆคน ไม่รู้จักรูปแบบการขนส่งว่าจริงๆแล้ว มีทั้งหมดกี่วิธี และ แต่ละวิธีมีความแตกต่างกันยังไง เราไปเช็ครายละเอียดพร้อมๆกันได้ด้านล่างเลย
รูปแบบการขนส่งโดยไปรษณีย์ไทย
ส่งพัสดุแบบธรรมดา – เป็นการขนส่งของแบบ “ไม่มีกำหนดน้ำหนัก” เมื่อคุณทำการจัดส่งแล้ว คุณจะได้รับหมายเลขเพื่อตรวจสอบสถานะสินค้า แต่เป็นวิธีเดียวที่ไม่สามารถตรวจสอบผ่านทางเว็บไซต์ได้ ทำให้ต้องตรวจสอบผ่านทางไปรษณีย์เท่านั้น เป็นการขนส่งที่ใช้เวลานานมากที่สุด โดยจะใช้เวลาเดินทางต่ำๆ 5 วัน มีราคาถูกที่สุด และถ้ามีปัญหาในการจัดส่ง จะมีเงินชดเชยให้สูงสุด 1,000 บาท
ส่งแบบลงทะเบียน – เป็นอีกหนึ่งการส่งของที่ได้รับความนิยม และ คุ้นเคยมากที่สุด สำหรับพ่อค้าแม่ค้า เพราะว่าจะมีการคุ้มครองเอกสาร หรือ พัสดุ แต่ต้องมีหลักฐานการรับฝากพร้อมกับเอกสารนำจ่ายให้ผู้รับ การขนส่งจะพิเศษแตกต่างจากสิ่งของที่ส่งแบบไปรษณีย์ธรรมดา เหมาะสำหรับการส่งของมีค่า เอกสารสำคัญๆ รวมไปถึงเอกสารลับต่างๆ
ส่งแบบ EMS – เป็นการส่งแบบเร่งด่วน ซึ่ง EMS เป็นตัวย่อมาจาก Express Mail Service ใช้เวลาจัดส่งเพียงแค่ 1-2 วันเท่านั้น เป็นตัวเลือการส่งสินค้า หรือ ของสำคัญๆที่นิยมมากที่สุด ในกรณีที่สินค้าเกิดสูญหาย หรือ ว่าเสียหาย ทางไปรษณีย์ไทย จะชดเชยค่าเสียหายให้ตามมูลค่าจริง แต่มียอดไม่เกิน 2,000 บาท ยกเว้น EMS ที่มีการรับประกัน ซึ่งจะมีการชดเชยใช้ตามวงเงินซึ่งได้ทำการจ่ายกับประกันเอาไว้ ทำให้การขนส่งในรูปแบบ EMS ได้รับความนิยมสูงมาก สามารถตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ได้ มีการเซ็นรับของจริง ด้วยบริการที่พิเศษกว่าทำให้ต้องแลกมาซึ่งราคาที่แพงกว่าการส่งพัสดุในรูปแบบอื่นๆ ถือว่าเป็นรูปแบบการส่งที่ได้รับความนิยมของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในปัจจุบัน
4 ขั้นตอนในการฝากส่งสินค้ากับทางไปรษณีย์ไทย
- เลือกใช้กล่อง หรือ พัสดุที่แข็งแรงทนทาน ที่สำคัญต้องมีขนาดที่พอเหมาะกับสิ่งของที่จะฝากส่ง เนื่องจากบริการส่งพัสดุของทางไปรษณีย์นั้นมีหลากหลายประเภท เพราะฉะนั้นการเลือกใช้กล่องที่มีความแข็งแรงทนทาน สามารถป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ระหว่างการจัดส่งสินค้าได้
- อย่าลืมห่อหุ้มของที่คุณจะจัดส่งด้วย พลาสติกกันกระแทก หรือ แอร์บับเบิ้ล ที่ใช้ห่อสินค้าเพื่อกันกระแทก สินค้าที่คุณต้องทำการจัดส่ง ยิ่งสินค้าที่คุณต้องการจัดส่งเป็นสินค้าที่สามารถแตกหักได้ ยิ่งจำเป็นต้องใช้ แอร์บับเบิ้ลเลย นอกจากนี้ยังสามารถใช้โฟมกันกระแทก ใส่เข้าไปในกล่องที่คุณใส่สินค้าเพื่อจัดส่งได้อีกด้วย แต่อย่าลืมว่ายิ่งน้ำหนักเยอะ คุณก็ต้องจ่ายค่าจัดส่งในราคาที่สูงขึ้นไปด้วย
- บรรจุสินค้าลงในกล่องพัสดุให้แน่นหนา หลังจากที่ทำการหุ้มด้วย พลาสติกกันกระแทก หรือ แอร์บับเบิ้ล แล้วคุณควรจะทดสอบกล่องพัสดุของคุณด้วยกัารเขย่ากล่อง ซึ่งถ้ายังได้ยินเสียงภายในกล่อง แนะนำให้ยัดด้วยเศษกระดาษ หรือ เม็ดโฟม เพื่อให้ในพัสดุไม่มีช่องว่าง ซึ่งอาจจะเกิดความเสียหายจากการกระแทกได้
- หลังจากที่ตรวจสอบกล่องพัสดุ เพื่อความปลอดภัยของสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อมาให้เช็คความถูกต้องของชื่อที่อยู่ “ผู้รับปลายทาง” ก่อนฝากส่งทุกครั้ง แนะนำให้ใส่เบอร์โทรศัพท์ผู้รับไว้ด้วย แนะนำให้จ่าหน้าชื่อ-สกุล ที่อยู่ และ เบอร์โทรศัพท์ ของผู้รับปลายทางชัดเจน สามารถทำให้เจ้าหน้าที่ สามารถคัดแยก และ นำจ่ายถึงมือผู้รับปลายทางในพื้นที่ต่างๆได้รวดเร็ว แม่นยำ และ ถูกต้องที่สุด
เเท็กที่เกี่ยวข้อง
ไปรษณีย์ไทยไปรษณีย์ข่าวเศรษฐกิจธุรกิจฝากส่งสินค้าส่ง emsส่งพัสดุ