Saturday, July 27, 2024
Homeท่องเที่ยวGhibli MuseumGhibli Museum พิพิธภัณฑ์สำหรับคนรักแอนิเมชันจิบลิ สตูดิโอ

Ghibli Museum พิพิธภัณฑ์สำหรับคนรักแอนิเมชันจิบลิ สตูดิโอ

เยี่ยมเยือนการ์ตูนจิบลิเรื่องโปรดได้ที่ญี่ปุ่น

ชื่อของการ์ตูนจิบลิ สำหรับคนที่ชื่นชอบการ์ตูนและแอนิเมชันญี่ปุ่นแล้วน่าจะคุ้นเคยกันดี เนื่องจากจิบลิเป็นผู้ผลิตการ์ตูนและแอนิเมชันชื่อดังมากมาย มีชื่อเสียงาจากลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ญี่ปุ่น และเรื่องราวที่มีให้เลือกหลากหลาย ครบทุกรสชาติของการเสพสื่อบันเทิงประเภทการ์ตูน ซึ่งจิบลิ สตูดิโอมีแฟนคลับการ์ตูนมากมาย จนสามารถสร้างพิพิธภัณฑ์สำหรับจัดแสดงผลงานของจิบลิโดยเฉพาะได้ และมีแฟนคลับแวะเวียนเข้ามาทักทายอยู่เสมอ

กว่าจะมาเป็นสตูดิโอจิบลิ ผ่านอะไรมาบ้าง?

สตูดิโอจิบลิก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1985 มีแกนนำคือ “ฮายาโอะ มิยาซากิ” เขาเป็นผู้กำกับในแอนิเมชันของสตูดิโอจิบลิหลายเรื่อง ซึ่งฮายาโอะได้ร่วมกับ “อิซาโอะ ทากาฮาตะ” เพื่อนร่วมงานและพี่เลี้ยงในการก่อตั้งสตูดิโอจิบลิขึ้น และยังได้ “โทชิโอะ ซูซึกิ” ผู้จัดการฝ่ายบริหารและผู้อำนวยการสร้างที่เป็นคนมีพรสวรรค์โดดเด่นในการกำกับแอนิเมชันมาเข้าร่วมทีม สตูดิโอจิบลิจึงกลายเป็นมือหนึ่งในด้านการสร้างแอนิเมชันญี่ปุ่น โดยสตูดิโอจิบลิอยู่ภายใต้บริษัทแม่อย่าง โทคุมะ โชเต็น

โทคุมะ โชเต็น เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1954 และเป็นผู้ให้ลิขสิทธิ์ดิสนีย์ในการฉายภาพยนตร์จิบลิไปทั่วโลก แต่หลังการส่งต่อภาพยนตร์ไปมีการดัดแปลงบทพูดให้เข้ากับสังคมอเมริกามากขึ้น ทางสตูดิโอจิบลิจึงได้มีการเพิ่มเงื่อนไข no – editing เพิ่มเข้ามา เพื่อให้คนทั่วโลกได้เนเสน่ห์ของญี่ปุ่นผ่านการ์ตูนจิบลิอย่างแท้จริง

การ์ตูนจิบลิ 10 เรื่องดังที่ต้องไม่พลาดความสนุก

สตูดิโอจิบลิผลิตแอนิเมชันญี่ปุ่นน่ารัก ๆ และเนื้อหาดีออกมาหลายเรื่อง แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยสัมผัสการ์ตูนลายเส้นจิบลิมาก่อน นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี ด้วย 10 การ์ตูนจิบลิชื่อดังที่แฟนพันธุ์แท้จิบลิต้องไม่พลาดความสนุก

1 มิติวิญญาณมหัศจรรย์ (Spirited Away)

มิติวิญญาณมหัศจรรย์ (Spirited Away)
มิติวิญญาณมหัศจรรย์ (Spirited Away)

การ์ตูนจิบลิรางวัลออสการ์ที่พล็อตเรื่องน่าสนใจ บอกเล่าถึงเรื่องราวของ “จิฮิโระ” เด็กสาวอายุเพียง 10 ขวบ แต่ต้องเข้าไปยังโลกวิญญาณเพื่อช่วยพ่อแม่ที่ถูกสาปให้เป็นหมู ในฐานความผิดขโมยกินอาหารของเทพเจ้า นาทีนี้จึงต้องมาลุ้นกันว่าจฺโระจะช่วยเหลือพ่อแม่ได้สำเร็จหรือไม่

2 สุสานหิ่งห้อย (Grave Of The Fireflies)

สุสานหิ่งห้อย (Grave Of The Fireflies)
สุสานหิ่งห้อย (Grave Of The Fireflies)

แอนิเมชันที่เหมาะสำหรับคนชอบเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา ฉากหลังอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เล่าถึงสองพี่น้อง พี่ชาย “เซตะ” อายุ 15 ปี และน้องสาว “เซซึโกะ” ที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดในยุคสงคราม จนพบกับสุสานหิ่งห้อย ซึ่งก็คือเครื่องบินรบที่ยิงขีปนาวุธลงมา และมีสะเก็ดไฟคล้ายหิ่งห้อยนั่นเอง

3 โทโทโร่เพื่อนรัก (My Neighbor TOTORO)

โทโทโร่เพื่อนรัก (My Neighbor TOTORO)
โทโทโร่เพื่อนรัก (My Neighbor TOTORO)

ตัวการ์ตูนที่โด่งดังมากของสตูดิโอจิบลิมาจากเรื่องโทโทโร่เพื่อนรักนี่เอง เรื่องราวเล่าถึงครอบครัวหนึ่งประกอบไปด้วยพ่อ แม่ และลูก 2 คน ซึ่งพ่อพาลูกทั้ง 2 ย้ายบ้านเพื่อมาดูแลแม่ที่ป่วยหนัก ที่ซึ่งสองพี่น้องได้พบกับเทพอารักษ์นามว่า “โทโทโร่” นั่นเอง

4 แม่มดน้อยกิกิ (KIKI’s Delivery Service)

แม่มดน้อยกิกิ (KIKI’s Delivery Service)
แม่มดน้อยกิกิ (KIKI’s Delivery Service)

การ์ตูนแนวแฟนตาซีที่พาทั้งเด็กและผู้ใหญ่หลงรักมาแล้วมากมายอย่างแม่มดน้อง “กิกิ” ซึ่งเธอเป็นแม่มดที่มีเวทมนตร์ในตัว จนกระทั่งวันหนึ่งเธอสูญเสียมันไปจากสาเหตุใดก็ไม่ทราบ แม้แต่เสียงพูดของแมวคู่ใจอย่าง “จิจิ” เธอก็ไม่สามารถฟังออกได้เหมือนเคย

5 ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ (Howl’s Moving Castle)

ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ (Howl's Moving Castle)
ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ (Howl’s Moving Castle)

เรื่องราวการจญภัยในโลกนิยาย ที่ทุกอย่างไม่ได้เพอร์เฟกต์อย่างใจฝัน “โซฟี” หญิงทำหมวกอายุ 18 ปีกำลังถูกทหารลวนลาม แต่เธอได้พ่อมดฮาวล์มาช่วยไว้ จากความช่วยเหลือครั้งนั้นทำให้เธอเป็นส่วนหนึ่งในความขัดแย้งระหว่างพ่อมดฮาวล์และแม่มดแห่งทุ่งร้าง แม่มดแห่งทุ่งร้างจึงสาปโซฟีให้กลายเป็นหญิงชรา เพื่อแก้คำสาปนั้นโซฟีจึงเดินทางไปยังปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์

6 เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ (The Tale of the Princess Kaguya)

เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ (The Tale of the Princess Kaguya)
เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ (The Tale of the Princess Kaguya)

หากใครเคยอ่านนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นมาบ้างก็คงจะคุ้นหูกับเรื่องเจ้าหญิงที่เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ โดยแอนิเมชันเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิทานพื้นบ้านเรื่องนั้น เล่าถึงครอบครัวหนึ่งที่ได้เด็กทารกมาจากการตัดไม้ไผ่ ทารกผู้นี้ทำให้พวกเขามั่งคั่งและโชคดี พวกเขาจึงย้ายเข้าเมืองหลวง ฝึกหัดทารกให้เติบโตเป็นเจ้าหญิง เปลี่ยนชื่อเธอเป็น “คางุยะฮิเมะ” และพยายามหาคู่ครองที่สมเกียรติให้เธอ โดยไม่ล่วงรู้เลยว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวต้องการเลยแม้แต่นิดเดียว

7 ฝันของฉันต้องมีเธอ (When Marnie Was There)

ฝันของฉันต้องมีเธอ (When Marnie Was There)
ฝันของฉันต้องมีเธอ (When Marnie Was There)

การ์ตูนฟีลกู๊ดอีกเรื่องที่บอกเล่าเรื่องราวของ “อันนา” สาวน้อยวัย 12 ปีที่รู้สึกว่าไม่มีใครที่รักเธออย่างแท้จริง เธอต้องย้ายไปอยู่ชนบทเพื่อรักษาโรคหอบหืด และที่นั่นเธอได้พบกับ “มาร์นี” สาวผมบลอนด์ที่อาศัยอยู่อย่างเดียวในคฤหาสถ์ทรงยุโรป และดูเหมือนอันนาจะเป็นคนเดียวที่มองเห็นเธอเสียด้วยสิ

8 โปเนียว (PONYO)

โปเนียว (PONYO)
โปเนียว (PONYO)

เรื่องราวสุดแฟนตาซีที่เล่าถึงเจ้าหญิงแห่งท้องทะเลอย่าง “โปเนียว” ที่มักแอบพ่อออกมาเล่นกับ “โซสุเกะ” ชายหนุ่มที่เคยช่วยเหลือเธอ เรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ทั้ง 2 คนจะต้องเผชิญร่วมกันเป็นเสน่ห์ของการ์ตูนจิบลิเรื่องนี้เลยก็ว่าได้

9 อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว (The Secret World of Arrietty)

อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว (The Secret World of Arrietty)
อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว (The Secret World of Arrietty)

การ์ตูนจิบลิบีบหัวใจเคล้าน้ำตาอีกเรื่อง สำหรับเรื่องราวของ “อาริเอตี้” หญิงสาวตัวจิ๋วเพียง 10 เซนติเมตรที่อาศัยอยู่ใต้ถุนบ้านหลังหนึ่งกับครอบครัว เธอจะหยิบยืมของใช้จากบ้านหลังนั้นมาใช้และไม่ให้ใครเห็นตัวเด็ดขาด จนกระทั่งวันหนึ่ง “โช” ลูกชายเจ้าของบ้านเห็นเธอเข้า เขาจึงคอยช่วยเหลือเธอมาตลอดจนเกิดเป็นความผูกพัน แต่เรื่องเศร้าคือโชป่วยเป็นโรคหัวใจที่เขาอาจจะไม่มีวันกลับมาหาเธอเมื่อไหร่ก็ได้

10 เจ้าแมวยอดนักสืบ (The Cat Returns)

เจ้าแมวยอดนักสืบ (The Cat Returns)
เจ้าแมวยอดนักสืบ (The Cat Returns)

สวรรค์ของคนรักเหมียว ๆ เรื่องราวเล่าถึงหญิงสาวที่ชื่อว่า “ฮารุ” เธอได้ช่วยชีวิตแมวสีม่วงจากการถูกรถบรรทุกชน ซึ่งแมวตัวนั้นคือ “ลูน” เจ้าชายแห่งอาณาจักรแมว ของรางวัลเธอจึงเป็นการแต่งงานกับเขา และต่อมา “บารอน” แมวสุดเท่ก็อาสาช่วยเหลือเธอ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่วายถูกจับไปอาณาจักรแมวอยู่ดี ที่ซึ่งเธอค่อย ๆ กลายร่างเป็นแมวทีละน้อย

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ จากสตูดิโอจิบลิ ลองนึกภาพการได้เข้าไปเยี่ยมชมส่วนหนึ่งของแอนิเมชันยอดเยี่ยมแห่งปี หรือได้ทักมายกับตัวการ์ตูนตัวโปรดในแต่ละเรื่อง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพิพิธภัณฑ์จิบลิจึงครองใจนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นได้มากมาย

มีอะไรบ้างในพิพิธภัณฑ์จิบลิ (Ghibli Museum)

พิพิธภัณฑ์จิบลิ (Ghibli Museum) ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีการจัดแสดงฉากและเรื่องราวของการ์ตูนจิบลิแต่ละเรื่องเอาไว้

ภายในพิพิธภัณฑ์จะเป็นอาคารให้ผู้เข้าชมเดินชมแต่ละชั้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถ่ายรูปได้เพียงแค่ภายนอกเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายในโดยเด็ดขาด และที่นี่จะไม่มีพนักงานเดินนำชม เพราะอิงตามคอนเซปต์ “Let’s lose our way, together” เมื่อเดินเข้ามาในพิพิธภัณฑ์แล้วจะพบมุมถ่ายรูปตามการ์ตูนเรื่องต่าง ๆ แฝงอยู่ตลอดทาง ใครจำฉากไหนหรือมุมไหนได้อย่าลืมเข้าไปถ่ายรูปกัน กิจกรรมที่น่าสนใจภายใน ได้แก่

lets get lose together
สโลแกน Ghibli Museum

Original Short Films

ภาพยนตร์แอนิเมชันของจิบลิจะถูกฉายที่ Saturn Theater ที่นี่มีการวาดรูปดอกไม้ และดวงดาวไว้ในเธียร์เตอร์ เป็นที่สำหรับชมภาพยนตร์ร่วมกัน รองรับได้เพียงแค่ 80 ที่นั่ง เมื่อภาพยนตร์ฉายจบจะเปิดหลังคาออกให้เห็นแสงแดดภายนอก โรงภาพยนตร์นี้ตั้งอยู่ที่ชั่นใต้ดิน ใครสนใจเดินลงมาได้เลย

Saturn Theater
Saturn Theater

Exhibitions

โซนจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์จะมีการเปลี่ยนธีมไปตามช่วงเวลา สำหรับคนที่ต้องการไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จิบลิไม่ควรพลาดการจัดแสดงเหล่านี้ โดยในช่วงวันที่ 18 พฤศจิกายนจะเป็นนิทรรศการ The Boy and the Heron ซึ่งเป็นการ์ตูนจิบลิวาดมือทั้งหมด ความพิถีพิถันรวมอยู่ในการ์ตูนเรื่องนี้แล้ว

นอกจากกิจกรรมพิเศษในพิพิธภัณฑ์จิบลิ ผู้เข้าชมยังสามารถดื่มด่ำกับการ์ตูนจิบลิได้ตามชั้นต่าง ๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน เช่น ชั้น 3 จะพบกับของที่ระลึก เหมาะกับเป็นของฝากญี่ปุ่น ชั้นดาดฟ้าจะพบกับหุ่นยักษ์จากเรื่อง Laputa-Castle in the Sky ตั้งเด่นให้คนได้เข้าไปถ่ายรูปกัน เป็นต้น

ช่วงเวลาเข้าชมพิพิธภัณฑ์จิบลิ

สตูดิโอจิบลิแบ่งเวลาการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ 10.00 น. 12.00 น. 14.00 น. และ 16.00 น. คนที่ต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์จิบลิจึงควรกำเวลาให้เดินทางมาถึงพิพิธภัณฑ์ทันเวลารอบสุดท้าย ซึ่งโชคดีที่สตูดิโอจิบลิสามารถเดินทางมาได้ง่ายด้วยรถไฟญี่ปุ่นสาย JR Chuo จากสถานีชินจูกุมาลงสถานี Mitaka นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตร JR Pass ไว้สำหรับเดินทางเพื่อความสะดวก ซึ่ง KLOOK ก็มีแพ็คเกจบัตร JR Pass จำหน่าย พร้อมตะลุยทุกพิกัดดังในญี่ปุ่น

การจองตั๋วพิพิธภัณฑ์จิบลิ

ผู้ที่สนใจเข้าชมพิพิธภัณฑ์จิบลิต้องจองตั๋วล่วงหน้าเอาไว้ก่อน เพราะทางพิพิธภัณฑ์ไม่รับวอล์กอิน เพราะฉะนั้นการเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นจึงต้องวางแพลน สามารถจองตั๋ว Ghibli Museum 2567 ได้ที่ KLOOK เช่นกัน จองวันและเวลามาจากไทย เมื่อมาถึงจะได้พร้อมเข้าชมพิพิธภัณฑ์จิบลิได้ทันที

การไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์จิบลิไม่ได้สานฝันเพียงแค่คนที่เป็นแฟนคลับ แต่ยังเป็นการสะท้อนประวัติศาสตร์การ์ตูนป๊อบคัลเจอร์ของญี่ปุ่น และคงไว้ซึ่งลายเส้นงานเขียนของญี่ปุ่นเอาไว้ คนที่ชื่นชอบกลิ่นอายของญี่ปุ่น แม้ไม่ได้ดูจิบลิครบทุกเรื่องก็ควรไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จิบลิสักครั้ง แล้วจะพบกับความอิ่มเอมใจทางศิลปะที่แสดงแก่นแท้ของญี่ปุ่น เรียกได้ว่ามาญี่ปุ่นทั้งทีหากพลาดพิพิธภัณฑ์จิบลิไป จะต้องหาโอกาสกลับมาเยือนอีกครั้งเพื่อเข้าชมสักครั้ง และหากได้เข้าชมสักครั้งก็จะประทับใจจนอยากมาเยี่ยมอีกครั้งก็เป็นได้

>> จองตั๋ว Ghibli Museum แพ็คเกจสุดคุ้มที่ KLOOK <<

อ่านเพิ่มเติม:

RELATED ARTICLES
- Advertisment -แจกส่วนลดลูกค้าใหม่ Makro Pro สมัครบัตร UOB Privi Miles รับ 7,500 คะแนน สมัครบัตร UOB Lady’s Card สมัครบัตร UOB Lady’s Card สมัครบัตร AMEX รับ 150,000 คะแนน สมัครบัตร AMEX

Most Popular

Recent Comments