JR Pass คืออะไร – รวม 8 เรื่องควรรู้ก่อนเที่ยวญี่ปุ่นสุดคุ้ม

ตั๋ว JR Pass ตัวช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้นักท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

หากพูดถึงประเทศท่องเที่ยวในฝันของหลายคน เชื่อว่า “ญี่ปุ่น” คงเป็นลิสต์การเดินทางอันดับต้น ๆ ของคนที่หลงใหลในการเช็กอินแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงามของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ การแต่งกาย อาหาร และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนเท่านั้น แต่ยังถือว่าเป็นหนึ่งประเทศที่มีการคมนาคมที่ครอบคลุมและหลากหลาย ช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการเดินทางได้มากพอสมควร สำหรับมือใหม่หัดเที่ยวญี่ปุ่น อาจกำลังสงสัยว่า JR Pass คืออะไร จำเป็นหรือไม่สำหรับการเดินทาง บทความนี้เรารวมทุกเรื่องที่ควรรู้มาบอกต่อ พร้อมแนะนำเคล็ดลับที่ช่วยให้การเที่ยวคุ้มค่ามากกว่าเดิม

JR Pass ไปไหนได้บ้าง? พร้อมเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

1. JR Pass คืออะไร

JR Pass หรือ Japan Rail Pass เป็นบัตรเดินทางที่ให้บริการโดยรัฐบาลญี่ปุ่น ถูกออกแบบมาสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางในประเทศญี่ปุ่นแบบชั่วคราวเท่านั้น (เดินทางไม่เกิน 3 เดือน) สามารถใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตามระยะเวลา พื้นที่ และเส้นทางของแต่ละ JR Pass ราคาที่เลือกซื้อ ซึ่งนอกจากการใช้บริการรถไฟ และรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น (Shinkansen) บางภูมิภาคยังสามารถใช้บริการเรือ รถบัส และรถไฟรางเดี่ยว Monorail ที่เข้าร่วมใน JR Pass ได้อีกด้วย

2. JR Pass มีกี่แบบ

บัตร JR Pass มีให้เลือกซื้อหลายประเภท ซึ่งหากคุณต้องการเดินทางเที่ยวทั่วทั้งญี่ปุ่น JR Pass (All Area) ที่เป็น Pass ตัวใหญ่สุดที่ครอบคลุมทั้งประเทศเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่หากคุณเดินทางเที่ยวเฉพาะภูมิภาค การเลือกประเภทบัตรให้ตรงกับภูมิภาคหรือเมืองที่ต้องการเดินทาง ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความคุ้มค่าได้มากกว่า นอกจากนี้บัตรแต่ละประเภทยังมีระยะเวลาการใช้งานที่แตกต่างกัน เริ่มต้นตั้งแต่ 1 วันไปจนถึง 21 วัน หลัก ๆ แบ่งตามภูมิภาค ได้แก่ คิวชู (JR Kyushu Pass), ชิโคคุ (JR Shikoku), ญี่ปุ่นฝั่งตะวันตก (JR West), ญี่ปุ่นตอนกลาง (JR Central Japan), ญี่ปุ่นฝั่งตะวันออก (JR East), ฮอกไกโด (JR Hokkaido) และ คันไซ (Kansai) โดยมีตัวอย่างพาสต่าง ๆ ดังนี้

คิวชู (Kyushu) บัตรรถไฟเดินทางในภูมิภาคคิวชู สามารถใช้บริการรถไฟบนเกาะคิวชูได้ทั้งหมด (ยกเว้น Sanyo Shinkansen) ไม่จำกัดครั้ง ติดต่อกัน 3 หรือ 5 วัน

• 3 Day Northern Kyushu Area Rail Pass
• 5 Day Northern Kyushu Area Rail Pass
• 3 Day All Kyushu Area Rail Pass
• 5 Day All Kyushu Area Rail Pass

ชิโคคุ (JR Shikoku) ขบวนรถไฟพิเศษที่วิ่งเชื่อมระหว่างสถานี JR Tadotsu Station ในจังหวัดคางาวะ กับสถานี JR Oboke Station ในจังหวัดโทคุชิมะ เป็นเส้นทางที่ตัดข้ามผ่านใจกลางภูมิภาค Shikoku สามารถเดินทางด้วยรถไฟรวมไปถึงรถราง Kotoden, Iyotetsu, Tosaden และอีกมากมาย

• 2 Day JR All Shikoku Rail Pass
• 3 Day JR All Shikoku Rail Pass
• 4 Day JR All Shikoku Rail Pass

ญี่ปุ่นฝั่งตะวันตก (JR West Japan) ใช้สำหรับการเดินทางในเส้นทางทั้งหมดของ JR WEST เป็น Pass ที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างที่สุด ตั้งแต่โอซาก้า – โทยะมะ – ฟูกุโอกะ

• 7 Day JR Kansai Hokuriku Area Pass ใช้สำหรับเดินทางในภูมิภาคคันไซ โฮคุริคิ และโอคายาม่า
• 7 Day JR Sanyo-San’in Area Pass ใช้สำหรับเดินทางในภูมิภาคชุโกกุ พื้นที่บางส่วนของภูมิภาคคันไซ และครอบคลุมไปจนถึงฟุกุโอกะ
• 4 Day JR San’in Okayama Area Pass ใช้สำหรับเดินทางในแถบโอคายาม่า ตอตโตริ และชิมาเนะ
• 4 Day JR Hokuriku Area Pass ใช้สำหรับเดินทางในภูมิภาค Hokuriku
• 5 Day JR Setouchi Area Pass ใช้สำหรับนั่ง Sanyo Shinkansen, Okayama Electric Tramway, Express Trains, Rapid Services และรถไฟท้องถิ่นในพื้นที่ รวมไปถึงรถบัสและเรือเฟอร์รี
• 5 Day JR Hiroshima-Yamaguchi Area Pass ใช้สำหรับเดินทางในฮิโรชิม่า ยามากูจิ และครอบคลุมไปจนถึงฟูกุโอกะ

ญี่ปุ่นตอนกลาง (JR Central Japan) ตั๋วโดยสายรถไฟภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น ครอบคลุมการเดินทางหลายพื้นที่ ทั้งทาคายาม่า คุมาโน่ ชิราคาวะโกะ และอื่น ๆ

• 5 Day JR Ise-Kumano-Wakayama Area Pass สำหรับขึ้นรถไฟและรถบัสจากนาโกย่าไปยังอิเสะ คุมาโนะ และโอซาก้า
• 5 Day Alpine-Takayama-Matsumoto Area Pass เดินทางด้วยรถไฟ JR ระหว่างสถานี Nagoya และ Toyama / สถานี Nagoya และ Shinano – Omachi รวมไปถึงการคมนาคมสาธารณะอื่น ๆ ตลอดเส้นทางแอลป์
• 5 Day JR Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass ใช้สำหรับเที่ยวหมู่บ้านโบราณชิราคาวะโกะ ทาคายาม่า และคานาซาว่า เดินทางไม่จำกัดบนรถไฟด่วนพิเศษ รถไฟด่วน รถไฟเร็ว รถบัส และอื่น ๆ
• Fuji Shizuoka Area Tourist Pass Mini ใช้สำหรับเดินทางในแถบภูเขาไฟฟูจิและซิสึโอกะ

ญี่ปุ่นฝั่งตะวันออก (JR East) คลอบคลุมพื้นที่การเดินทางคันโต โทโฮกุ และอื่น ๆ

• JR East Pass (Tohoku area) ใช้สำหรับเดินทางโทโฮคุ ตอนเหนือของเกาะฮอนชู และโตเกียวด้วยรถไฟชินคันเซ็น และรถไฟสาย JR East ทั้งหมด
• JR East Pass (Nagano, Niigata area) ใช้สำหรับเดินทางในพื้นที่บริเวณนากาโนะและนีงาตะ ทั้งยังสามารถใช้บริการรถไฟ Shinkansen, รถไฟ Narita Express, รถไฟ Tokyo Monorail และอื่น ๆ

ฮอกไกโด (JR Hokkaido) บัตรรถไฟสำหรับเดินทางในภูมิฮอกไกโด

• 3, 5, 7 Day JR Hokkaido Rail Pass ใช้สำหรับเดินทางในเมืองใหญ่ ๆ ของฮอกไกโด
• 6 Day JR East – South Hokkaido Rail Pass ใช้สำหรับเดินทางในภูมิฮอนชูตะวันออก และฮอกไกโดตอนใต้อย่างไม่จำกัด ใช้บริการได้ทั้งรถไฟด่วนพิเศษ รถไฟด่วน รถไฟเร็ว รถไฟท้องถิ่น และชินคันเซ็น

อ้างอิงตั๋วที่จำหน่ายจาก klook เว็บท่องเที่ยวออนไลน์ที่น่าเชื่อ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกบัตรอีกมากมาย ดังนั้นควรเช็กก่อนว่าต้องการเดินทางไปที่ไหน ระยะเวลาเท่าไหร่ เพื่อให้การเดินทางราบรื่นและคุ้มค่าต่อการใช้จ่ายมากที่สุด

3. JR Pass ราคาเท่าไหร่ 2023

หลัก ๆ JR Pass แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ Ordinary (ชั้นธรรมดา) และ Green (เฟิร์สคลาส) มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะกับช่วงฤดูท่องเที่ยวและการเดินทางเป็นกลุ่ม เนื่องจากมีบริการสำรองที่นั่งล่วงหน้าช่วยการันตีที่นั่ง นอกจากนี้ยังแบ่งเป็น 2 ราคา คือราคาสำหรับผู้ใหญ่และราคาสำหรับเด็กที่มีอายุ 6 – 11 ปี โดยราคาเด็กต้องจ่ายครึ่งหนึ่งของราคาผู้ใหญ่ เช่น ราคา JR Pass All Area ราคาเริ่มต้น 50,000 เยน ราคาเด็กจะเท่ากับ 25,000 เยน เป็นต้น ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ได้มีการปรับขึ้นราคา JR Pass ใหม่ทั้งหมด  แต่ทั้งนี้คุณสามารถเช็กส่วนลด JR Pass ผ่าน klook ล่วงหน้า เพื่อรับความคุ้มค่าได้เช่นกัน สำหรับราคา JR Pass All Area ที่เพิ่งอัปเดตใหม่และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป มีดังนี้

หมายเหตุ : เด็กอายุ 6 – 11 ปีคิดครึ่งราคา // เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปคิดราคาผู้ใหญ่

ถึงอย่างไรหากเป็นเพียงการเดินทางในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง การเลือก Pass แยกตามภูมิภาคช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากกว่า เช่น ต้องการเที่ยวในแถบคันไซ สามารถเลือกซื้อ Pass เฉพาะคันไซได้ โดยมีราคาเริ่มต้น 10,000 เยนหรือหากต้องการถูกกว่านั้น แนะนำเลือกจองผ่าน klook ได้ราคาถูกกว่าที่ไหน ๆ เพราะฉะนั้นวางแผนการเดินทางให้ดีจะได้ไม่เสียดายภายหลัง

4. อายุการใช้งาน JR Pass

การแลกตั๋ว Pass สำหรับการซื้อล่วงหน้า สามารถนำไปแลกได้ภายในระยะเวลา 3 เดือนนับจากวันที่ซื้อ คุณต้องนำ Exchange Order ไปแลกรับบัตร JR Pass ณ ประเทศญี่ปุ่น และเลือกเปิดใช้งานวันแรกเมื่อใดก็ได้ภายในระยะเวลา 30 วัน และไม่จำเป็นต้องออกเดินทางภายในวันที่รับบัตร ดังนั้นแม้ว่าในปี 2023 มีการปรับราคา JR Pass แต่หากคุณจองล่าสุดในวันที่ 30 กันยายน 2566 เท่ากับว่าคุณสามารถแลก Pass ได้ถึงวันที่ 29 ธันวาคม 2566 และสามารถเริ่มใช้งาน Pass วันแรกได้ไม่เกิน 28 มกราคม 2567 ที่สำคัญหากมีการเลือกวันเดินทางไปแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวันเดินทางได้อีก

5. วิธีนับระยะเวลาใช้งาน JR Pass

JR Pass นับเวลาการใช้งานด้วยระบบ 24 ชั่วโมง ดังนั้นหากเริ่มใช้งานบัตรแบบ 7 วัน ในเวลา 15.00 น. ของวันที่ 2 ตุลาคม 2023 บัตรจะหมดอายุในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 8 ตุลาคม 2023 ไม่ใช่เวลา 15.00 น. ของวันที่ 9 ตุลาคม 2023 แต่หากมีกรณีที่คุณขึ้นรถไฟก่อนเวลาเที่ยงคืนในวันสุดท้าย และยังอยู่ในขบวนเมื่อเลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว คุณยังสามารถใช้บริการรถไฟได้จนกว่าการเดินทางจะสิ้นสุดลง แต่หากต้องมีการเปลี่ยนขบวนต้องซื้อบัตรโดยสารเพิ่มเติม

6. การใช้งาน JR Pass

ปัจจุบัน JR Pass มีขนาดเท่ากับตั๋วรถไฟ สามารถสอด JR Pass เข้าไปในประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติโดยไม่จำเป็นต้องแสดงบัตรให้เจ้าหน้าที่ดูทุกครั้งเหมือนเมื่อก่อน แต่หากมีการสำรองที่นั่งอาจต้องมีการแสดง JR Pass และบัตรที่ใช้สำรองที่นั่ง หรืออาจต้องแสดงหนังสือเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ในบางกรณี นอกจากนี้ JR Pass ส่วนใหญ่ ยังรองรับการนั่งรถไฟ JR จากสนามบินไปยังเมืองหลัก ๆ ภายในประเทศ แต่ก่อนอื่นเมื่อเดินทางถึงสนามบิน คุณต้องนำ Exchange Order ไปแลกรับ JR Pass และเปิดใช้งานก่อน สำหรับใครที่เพิ่งเดินทางไปญี่ปุ่นด้วยตัวเองครั้งแรก แนะนำให้ติดต่อ JR Ticket Counter ยื่นหลักฐานพร้อมแสดงหนังสือเดินทาง เพื่อรับบัตร JR Pass ตัวจริง หรือหากใครอยากลองรับตั๋วด้วยตัวเองผ่าน Vending Machine ตามสถานี JR (ตู้สีเขียว) ก็ได้เช่นกัน

7. คุ้มค่าไหมที่จะซื้อ JR Pass

หากแผนการเดินทางของคุณคือการเดินทางข้ามเมืองหรือข้ามภูมิภาค อีกทั้งยังมีการใช้บริการรถไฟ JR บ่อย ๆ แน่นอนว่าสิ่งนี้ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าให้กับคุณ ไม่ต้องเสียเงินและเสียเวลาออกบัตรโดยสารใหม่ที่ต้องการเดินทาง ที่สำคัญการมีบัตร JR Pass ยังเป็นผลดีต่อการใช้บริการรถไฟชินคันเซ็นที่แสนแพง เพราะแค่ค่าบัตรชินคันเซ็นกับการเดินทางด้วยรถไฟท้องถิ่นเพียงไม่กี่เที่ยว ก็อาจมีมูลค่าเท่ากับการออกบัตร JR Pass หนึ่งใบ ดังนั้นการมีบัตร JR Pass ที่ช่วยให้คุณเดินทางภายในระยะเวลาและเส้นทางที่เลือกได้แบบจำกัด ย่อมช่วยให้คุณประหยัดเงินที่ใช้สำหรับการท่องเที่ยวได้มากกว่าแน่นอน

8. ซื้อ JR Pass ที่ไหนให้ได้ราคาดี

หลายคนอาจเคยอ่านรีวิว ซื้อ JR Pass ที่ญี่ปุ่น Pantip แต่จริง ๆ แล้วคุณสามารถซื้อ JR Pass ในไทย ผ่านเอเจนซี่ต่าง ๆ ก่อนเดินทาง โดยคำแนะนำในการออกบัตรกับ klook คือควรจอง JR Pass ล่วงหน้าไม่เกิน 2 เดือนก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น เพื่อให้คุณได้รับบัตร Exchange Order อย่างทันการ ไม่ต้องกังวลว่าจะกระชั้นชิดกับเวลาเดินทางมากเกินไป โดยที่ klook มีตัวเลือกบัตร JR Pass ให้คุณสั่งจองหลากหลาย ทั้งบัตรเดินทางทั่วประเทศ บัตรเดินทางเฉพาะภูมิภาค บัตรสำหรับจองที่นั่งล่วงหน้า รถไฟด่วนพิเศษ (Limited Express) และอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับราคาสุดคุ้ม สำหรับขั้นตอนการซื้อง่าย ๆ ดังนี้

1. เข้าสู่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน klook บนมือถือ
2. กดค้นหา JR Pass
3. จากนั้นเลือกแพ็กเกจบัตรที่ต้องการ เช่น บัตร JR Pass สำหรับฮอกไกโด, บัตร Kintetsu Rail Pass, บัตรโดยสารรถไฟ JR Haruka Airport Express ตามระยะเวลาและราคาที่ต้องการ
4. กดจองและเลือกชำระเงินผ่านช่องทางที่สะดวก รองรับทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต และ Paypal

เมื่อดินแดนอาทิตย์อุทัยอย่างญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายปลายทางของการเที่ยวท่องเที่ยว ดังนั้นนอกจากการวางแผนเรื่องตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยว การวางแผนเรื่องการเดินทางถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณประหยัดเวลาและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจองบัตร JR Pass ผ่าน klook ก่อนเดินทาง เป็นหนึ่งความคุ้มค่าที่สายเที่ยวต้องเตรียมความพร้อม

อ่านเพิ่มเติม: