ธีมพาร์คสุดพิเศษเฉพาะที่โตเกียวดิสนีย์เท่านั้น
ชื่อของ Disneyland กลายเป็นภาพจำสวนสนุกที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างมาเยี่ยมชม ซึ่งดิสนีย์แลนด์มีอยู่หลายแห่ง ในเอเชียมีทั้ง Shanghai Disneyland, Hong Kong Disneyland และ Tokyo Disneyland ซึ่งดิสนีย์แลนด์แต่ละแห่งจะมีความพิเศษที่แตกต่างกันออกไป สำหรับ Tokyo Disneyland มีความพิเศษที่คนจดจำได้ก็คือเป็นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์แห่งแรกที่เปิดนอกทวีปอเมริกา และเป็นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียด้วย นอกจากนั้นยังเป็นสวนสนุกแห่งเดียวที่มีธีมพาร์คพิเศษที่ชื่อว่า Tokyo Disneysea ที่ต่อมากลายเป็นซิกเนเจอร์ของโตเกียวดิสนีย์แลนด์ และเป็นแลนด์มาร์กที่หลายคนอยากมาสักครั้ง
โตเกียวดิสนีย์ซี VS โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ต่างกันยังไง
Tokyo Disneyland และ Tokyo Disneysea เป็นสวนสนุกภายใต้ธีมดิสนีย์เหมือนกัน แต่ทั้ง 2 แห่งมีความแตกต่างกันที่เห็นได้ชัดหลายอย่าง ภายใต้สิ่งที่เชื่อมกันอย่างธีมดิสนีย์ ทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่าเป็น Siblings Disneyland หรือพี่น้องดิสนีย์แลนด์นั่นเอง ความต่างหลัก ๆ ของโตเกียวดิสนีย์ซี และโตเกียวดิสนีย์แลนด์มีดังนี้
- Disneyland เกิดก่อน Disneysea
อย่างที่หลายคนบอกว่า Disneyland และ Disneysea เป็นพี่น้องกัน แน่นอนว่าออริจินอลอย่างดิสนีย์แลนด์เกิดขึ้นก่อน โดยโตเกียวดิสนีย์แลนด์เปิดตัวในปี 1983 ในขณะที่โตเกียวดิสนีย์ซีเปิดตัวในปี 2001 แต่ความนิยมของทั้ง 2 ดิสนีย์แลนด์กลับกินกันไม่ลงเลยในช่วงที่ผ่านมา
- ธีมพาร์คที่แตกต่าง
แน่นอนว่าการที่สวนสนุกแยกเป็น 2 ธีมใหญ่ ๆ ดิสนีย์แลนด์และดิสนีย์ซีมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว โดยดิสนีย์แลนด์จะคงความคลาสสิคแบบยุคเก่า ปราสาทดิสนีย์ และการตกแต่งตามแบบฉบับดิสนีย์ที่คุ้นเคย ในขณะที่ดิสนีย์ซีจะรายล้อมด้วยน้ำและมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟ แรงบันดาลใจมาจากปราสาทที่มีแม่น้ำล้อมรอบ
- Disneysea กับเครื่องเล่นที่ไม่ซ้ำ
ดิสนีย์แลนด์แต่ละแห่งอาจจะมีเครื่องเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่น Hong Kong Disneyland กับ World of Frozen ที่จะเปิดที่แรกที่ฮ่องกง แต่โดยภาพรวมดิสนีย์แลนด์ก็มีความคล้ายกันอยู่มาก แต่ดิสนีย์ซีกลับมีความแตกต่าง โดยจะมีกิจกรรมหลายอย่างที่หาไม่ได้ที่ดิสนีย์แลนด์อื่น ๆ หรือแม้แต่ในดิสนีย์แลนด์โตเกียวเอง เช่น Journey to the Center of the Earth และ Sinbad’s Storybook Voyage ที่หาชมไม่ได้ในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ทั่วโลก
- ขบวนพาเหรด 2 อารมณ์
ดิสนีย์แลนด์ขึ้นชื่อเรื่องขบวนพาเหรด โดยดิสนีย์แลนด์ที่โตเกียวก็คงความงดงามตามแบบต้นฉบับ มีตัวการ์ตูนดิสนีย์ มีแสงไฟยามกลางคืน ซึ่งดิสนีย์ซีก็มีขบวนพาเหรดเช่นกัน แต่จัดขึ้นในเวลากลางคืนเท่านั้น ชื่อว่า Fantasmic เป็นการแสดงแสงสีเหนือสายน้ำ แต่ในขณะนี้การแสดงนี้ได้หยุดชั่วคราวจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิ 2024 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับการเปิดธีม Sea ใหม่ชื่อว่า Fantasy Springs
- อาหารในสวนสนุก
ทั้ง 2 ธีมพาร์คมีร้านอาหารให้บริการ โดย Disneysea จะมีร้านอาหารและเมนูให้เลือกหลากหลายกว่า แต่ไม่ว่าจะกินอาหารที่ธีมพาร์คไหนควรจองร้านอาหารใน Tokyo Disneyland และ Tokyo Disneysea เอาไว้ก่อน เพื่อลดความเบียดเสียด
ความต่างหลัก ๆ ของ Tokyo Disneyland กับ Tokyo Disneysea จะอยู่ที่ธีมที่ถึงแม้จะเน้นเรื่องราวของดิสนีย์เหมือนกัน แต่ก็มีการถ่ายทอดที่ต่างกัน แนะนำว่าถ้ามีโอกาสควรไปให้ครบทั้ง 2 พาร์ค จะได้ไม่รู้สึกเสียดายทีหลัง
ดิสนีย์แลนด์ โตเกียว มีกี่ธีมพาร์ค
ธีมพาร์คหลัก ๆ ที่คุ้นเคยกันดีจะแบ่งออกเป็น 2 ธีมพาร์ค คือ Tokyo Disneyland และ Tokyo Disneysea ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว แต่เนื่องจากทั้ง 2 ธีมพาร์คนี้ก็มีธีมพาร์คย่อยของตัวเอง และเป็นธีมพาร์คที่ไม่ทับไลน์กัน นักท่องเที่ยวจึงควรรู้จักธีมพาร์มของทั้ง 2 พี่น้องดิสนีย์แลนด์แห่งเมืองโตเกียวกันสักหน่อย
ธีมพาร์คใน Tokyo Disneyland
ดิสนีย์แลนด์จะเน้นเครื่องเล่นที่คล้าย ๆ กับดิสนีย์แลนด์อื่น ๆ แต่ก็มีการ์ตูนบางเรื่องที่ Exclusive เฉพาะที่นี่ เช่น Pooh’s Hunny Hunt, Aloha E Komo Mai! หรือ Alice’s Tea Party ในรูปแบบเอาต์ดอร์เพียงที่เดียว โดย Tokyo Disneyland มีทั้งหมด 7 ธีม ได้แก่
- World Bazaar
- Adventureland
- Westernland
- Tomorrowland
- Critter Country
- Toontown
- Fantasyland
ธีมพาร์คใน Tokyo Disneysea
โตเกียวดิสนีย์ซี จะมีความแตกต่างมากกว่า เพราะเป็นธีมที่มีเฉพาะที่โตเกียวดิสนีย์แลนด์เท่านั้น แบ่งออกเป็น 7 ธีมเช่นกัน ได้แก่
- Mediterranean Harbor
- American Waterfront
- Lost River Delta
- Port Discovery
- Mermaid Lagoon
- Arabian Coast
- Mysterious Islan
แต่ละธีมก็มีเครื่องเล่นและโซนถ่ายรูปให้เก็บกันแบบจุใจ ใครชอบความคลาสสิคก็ลอง Tokyo Disneyland เลย แต่ถ้าอยากลองอะไรที่แตกต่างให้ลองปักหมุดมาที่ Tokyo Disneysea ดู
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ราคา มีบัตรกี่แบบ
ราคาบัตรของ Tokyo Disneyland และ Tokyo Disneysea มีราคาเท่ากัน แต่ก่อนการซื้อควรเช็กราคาแต่ละวันทุกครั้ง เพราะบางครั้งราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยบัตรจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ บัตร One-Day Pass บัตรเข้าสวนสนุก 10.30 น. และบัตรเข้าสวนสนุกหลังเที่ยง ราคาของบัตรมีดังนี้
One-day pass
ผู้ใหญ่: 1,869 บาท | 1,988 บาท | 2,106 บาท | 2,224 บาท
เด็กอายุ 12 -17 ปี: 1,562 บาท | 1,656 บาท | 1,751 บาท | 1,846 บาท
เด็กอายุ 4 – 11 ปี: 1,112 บาท | 1,183 บาท | 1,254 บาท | 1,325 บาท
Admission from 10.30am
ผู้ใหญ่: 1,751 บาท | 1,869 บาท | 1,988 บาท | 2,106 บาท
เด็กอายุ 12 – 17 ปี: 1,467 บาท | 1,562 บาท | 1,656 บาท | 1,751 บาท
เด็กอายุ 4 -11 ปี: 1,041 บาท | 1,112 บาท | 1,183 บาท | 1,254 บาท
Admission from 12noon
ผู้ใหญ่: 1,633 บาท | 1,751 บาท | 1,869 บาท | 1,988 บาท
เด็กอายุ 12 – 17 ปี: 1,372 บาท | 1,467 บาท | 1,562 บาท | 1,656 บาท
เด็กอายุ 4 – 11 ปี: 970 บาท | 1,041 บาท | 1,112 บาท | 1,183 บาท
*บัตรค่าเข้าเหล่านี้แปลงค่าเงินเยนมาเป็นสกุลเงินไทยในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามค่าเงิน และโปรโมชั่นของสวนสนุก
ตั๋ว Disneyland Tokyo ต้องซื้อแยกไหม?
การซื้อตั๋ว Disneyland และ Disneysea จะต้องซื้อแยกกันเท่านั้น เนื่องจากธีมของสวนสนุกมีความแตกต่างกัน บัตรที่ใช้เข้าชมสวนสนุก Tokyo Disneyland จะไม่สามารถใช้เข้าบัตรสวนสนุก Disneysea ได้ มีคำแนะนำสำหรับการซื้อบัตรทั้ง 2 ประเภท ดังนี้
- หากไปเที่ยวหลายวัน แนะนำให้แบ่งวันไปเที่ยว Disneyland และ Disneysea ออกจากกัน เพื่อให้การเที่ยวไม่สะดุด ซึ่ง KLOOK มีแพ็คเกจสวนสนุกโตเกียวดิสนีย์แลนด์ ราคาดี รวมถึงดิสนีย์ซีจำหน่ายด้วย จึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีบัตร หรือต้องไปซื้อบัตรราคาแพงข้างนอก
- หากเที่ยววันเดียวกัน การซื้อบัตรทั้ง 2 ใบจะเสียค่าใช้จ่ายมาก แนะนำให้ซื้อบัตร 1 ใบ เป็นบัตรช่วงบ่าย เช่น ซื้อ Disneyland ช่วงเช้าและซื้อ Disneysea ช่วงบ่าย หรือซื้อ Disneyland ทั้งวันและซื้อ Disneysea ช่วงบ่าย ขึ้นอยู่กับการวางแผนท่องเที่ยวของแต่ละคน แต่แนะนำว่าให้มีบัตรสวนสนุก 1 อันเป็นช่วงบ่าย
การซื้อตั๋วดิสนีย์แลนด์หรือดิสนีย์ซีของโตเกียว แนะนำให้ซื้อบัตรเที่ยว Tokyo Disneyland ไปก่อน เพื่อให้คำนวณเวลาและวางแผนการเที่ยวในสวนสนุกได้แม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนั้นอย่าลืมดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Tokyo Disney Resort สามารถใช้ได้ทั้งในดิสนีย์แลนด์และดิสนีย์ซี ภายในแอปจะมีฟังก์ชันให้เล่นมากมาย ซึ่งฟังก์ชันที่มีประโยชน์และได้ใช้แน่ ๆ คือการติดตามจำนวนคิวที่รอในแต่ละเครื่องเล่น ช่วยให้วางแผนการเล่นได้ นอกจากนั้นยังสามารถจองเครื่องเล่นบางชนิดได้ผ่านแอปพลิเคชันอีกด้วย
ฟังก์ชันที่ทางดิสนีย์รีสอร์ตแนนำเป็นอย่างมากที่เป็นประโยชน์อย่างมาก และช่วยประหยัดเวลาการต่อคิวได้เป็นอย่างดี คือ Premier Access ฟังก์ชันนี้จะช่วยให้จองคิวเครื่องเล่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากได้โดยที่ไม่ต้องต่อคิวรอกับคนที่มาเที่ยวอื่น ๆ โดยการใช้ฟังก์ชันนี้จะต้องจ่ายเงินเพิ่มจากเดิมประมาณ 500 บาทเพื่อรับสิทธิ์ ซึ่งบางเครื่องเล่นก็ถือว่าคุ้ม เช่น Beauty and the Beast ที่มีคนต่อคิวเยอะมาก เพราะเอ็กซ์คูลซีฟเฉพาะ Tokyo Disneyland เท่านั้น ใครเป็นแฟนคลับเบลล์ต้องลองมาเข้าโซนนี้สักครั้ง
Disneyland: Beauty and the Beast
โซนที่มีมานานแล้ว แต่มีการขยายและเติมความพิเศษหลายอย่างลงไป ทำให้ Beauty and the Beast กลายเป็นธีมที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันมากว่าดีมาก ดีจนต้องมาซ้ำ ดีจนแนะนำให้มาลองสักครั้ง
Belle’s Village – หมู่บ้านของเบลล์ ทำออกมาเป็นร้านค้า 3 ร้าน ได้แก่ La Belle Librairie, Little Town Traders และ Bonjour Gifts เป็นร้านค้าที่มีของที่ระลึกที่เกี่ยวกับในเรื่องจำหน่าย
La Taverne de Gaston – ร้านอาหารที่ได้แรงบันดาลใจมาจากร้านอาหารที่เพลง Gaston ถูกขับร้องออกมา บรรยากาศสไตล์คันทรีที่หลายคนน่าจะชอบ
LeFou’s & Le Petit Popper – ร้านขนมของเลอฟูว์ที่มีขนมสุดอร่อยมากมาย เมนูแนะนำคือชูโรสแอปเปิ้ลคาราเมลที่แนะนำว่าต้องลอง
เครื่องเล่นของ Beauty and the Beast เป็นเครื่องเล่นที่เชิญชวนให้ทุกคนมาเป็นแขกในปราสาท โดยนั่งบนถ้วยน้ำชาที่พาเข้าไปชมคีย์ซีนของการ์ตูนเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร ปิดจบด้วยการเต้นรำของเบลล์และเจ้าชาย ส่วนถ้วยที่ทุกคนนั่งก็เหใอนเต้นรำไปด้วย สนุกและห้ามพลาดจริง ๆ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบการ์ตูน
Disneysea: Fantasy Springs
สำหรับดิสนีย์ซี โซนที่แนะนำเป็นอย่างมากเป็นโซนที่ยังไม่เปิดตัว ชื่อว่า Fantasy Springs แต่ถึงแม้จะยังไม่เปิดตัวแต่ก็ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง และคาดหวังได้เลยว่าโซนนี้จะทำให้ Tokyo Disneysea แตกอีกครั้งด้วยฝูงชนที่เดินทางมาชมจากทั่วทุกมุมโลก ความพิเศษของโซนนี้ คือ การรวมการ์ตูน 3 เรื่องภาพสวย ทั้งเจ้าหญิงผมยาว Tangled ราชินีหิมะ Frozen และเด็กหลงจากโลก Peter Pan มาอยู่ในธีมพาร์คเดียวกัน และด้วยชื่อ Fantasy Springs แน่นอนว่าโซนนี้จะต้องเปิดในช่วงฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น แว่ว ๆ มาว่า Fantasy Springs จะเปิดให้บริการในวันที่ 6 มิถุนายน 2024 อีกไม่นานเกินรอ ส่วนภายในสวนสนุกมีการปล่อยภาพและธีมที่ล่อตาล่อใจแฟนคลับออกมาเรียบร้อยแล้ว
พายเรือไปพบกับเทศกาลปล่อยโคมกับราพันเซล
เรื่อง Tangled มีฉากที่เป็นภาพจำของเรื่องคือเทศกาลปล่อยโคมที่มีนางเอกและพระเอกนั่งอยู่บนเรือ บรรยากาศแบบนั้นใครบ้างจะไม่อยากไปสัมผัสสักครั้ง
สนุกไปกับ Peter Pan’s Never Land Adventure
การผจญภัยของปีเตอร์แพนในดินแดนเนเวอร์แลนด์เป็นความฝันวัยเด็กของใครหลายคน เกาะโจรสลัดที่ซ่อนสมบัติมากมาย หนีการตามล่าของกัปตันฮุค และล่องลอยไปกับโลกแห่งความฝันได้ที่นี่เลย
ความรักในครอบครัวของ Elsa & Anna
รักแท้ที่ละลายหัวใจน้ำแข็ง ธีมหลักของโฟรเซ่นที่ทำใครหลายคนเสียน้ำตา ในเมืองแอเรนเดลล์นี้ทุกคนจะได้พบกับดินแดนน้ำแข็งของเอลซ่า ภูมิทัศน์ของแอเรนเดลล์ ร้านอาหาร Oaken’s OK Foods ขึ้นชื่อของเมือง
โรงแรมและร้านอาหาร Fantasy Springs
บรรยากาศอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ เติมชีวิตและความสดใสให้กับร้านค้า และโรงแรมในเมืองแห่งนี้ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับอาหาร ห้องพัก และบรรยากาศที่เข้าธีมสุด ๆ
ความโดดเด่นของทั้ง Tokyo Disneyland และ Tokyo Disneysea ทำให้หลายคนปักหมุดเลยว่ามาทั้งทีต้องเก็บให้ครบ ซึ่งแนะนำเลยเหมือนกันว่าควรมาทั้ง 2 ธีมพาร์คจริง ๆ และยังคงแนะนำให้จองบัตรมาก่อน ซึ่งที่ KLOOK ก็มีแพ็คเกจราคาดีจำหน่าย ห้ามพลาดความสนุกสไตล์ดิสนีย์ที่ประเทศญี่ปุ่นโดยเด็ดขาด
>>เที่ยว Tokyo Disneyland จองตั๋วประหยัดผ่านทาง KLOOK<<อ่านเพิ่มเติม: